ทุกครั้งที่เราทำตามเป้าหมายสำเร็จ เรามักจะมีเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายขึ้นเสมอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราต้องระลึกไว้ คือ
“ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรจิรังยั่งยืน ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป” เมื่อเราได้ในสิ่งที่เราต้องการ เราต้องยอมรับว่าความสุขจะอยู่กับเราในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น และจะถูกแทนที่ด้วยความต้องการหาความสุขจากสิ่งใหม่
อย่างไรก็ตามชีวิตไม่ได้มีเพียงความสุขที่เราได้จากการทำบางอย่างสำเร็จเท่านั้น (เพราะเรามีความต้องการที่ไม่จบสิ้น) แต่เป็นการได้ทำอะไรสักอย่างที่มีความหมายระหว่างการเดินทางไปยังเป้าหมายต่างหาก เพราะไม่ว่าเราจะยึดติดกับความสุขและสนุกสนานกับชีวิตมากขนาดเพียงใด สุดท้ายแล้วมันก็จะลดลงและจากเราไป เหลือเพียงแค่ความทรงจำที่ดี ความสุขในใจที่เป็นฝ่ายให้ การได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคนอื่นและใช้ชีวิตอย่างมีความหมายเท่านั้น
จริง ๆ แล้ว การที่เราคอยสังเกตสัญญาณเหล่านี้ จะทำให้เรามีเวลามากขึ้น เพื่อเลือกทำในสิ่งที่เรารัก ซึ่งมันอาจจะเป็นการพักผ่อนหรือการมีความสุขกับสิ่งที่เรียบง่าย อย่างเช่น การได้ดูหนังสักเรื่อง การเขียน หรือการวาดรูปก็ได้ ตราบใดที่สิ่งนั้นทำให้เราสบายใจ นั่นถือว่ามันทำให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จหรือมีชีวิตที่มีความหมายแล้ว
การที่เรามีความสุขทุกครั้งที่ทำสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายได้สำเร็จนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เคยคิดหรือไม่ว่าหรือจริง ๆ แล้วเราก็อยากเป็นเพียงแค่ผู้ให้บ้าง
อย่างที่เราเห็นว่าความสุขที่แท้จริงนั้นย่อมได้มาจากการทำตัวให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้อื่นและการใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์มีจุดเริ่มต้นมาจากการเปลี่ยนวิธีการคิดของเราเอง
เราไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่มีผลกระทบมากมาย มันอาจจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ เช่น การช่วยคนชราข้ามถนน การให้เงินสนับสนุนเลี้ยงดูเด็กกำพร้า การเรียนรู้สิ่งใหม่ หรือช่วยเพื่อนร่วมงานของเรา อะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มใจที่ได้ทำมัน นี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว
“ความสุข” เป็นคำที่แต่ละคนให้ความหมายที่แตกต่างกันออกไป เราไม่ควรปล่อยให้สังคมเป็นตัวกำหนดนิยามความสุขให้กับเรา แต่เราควรค้นหาความหมายของมันด้วยตัวของเราเอง