livescoreza.com
Menu

ข่าวมวย จงเป็นคน 2 บุคลิก ? : ความลับผงาดคับโลกยิ่งกว่าแชมป์มวยกรงของ

ข่าวมวย หากคุณเป็นคนที่ดูกีฬา MMA หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ในสถาบันอันดับ 1 ของโลกอย่าง UFC มาโดยตลอด คุณสามารถพูดได้ว่านักชกอย่าง คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ นั้นไม่ใช่นักสู้ที่เก่งที่สุดตลอดกาล






ข่าวมวย  ความสำเร็จของเขาเป็นรอง”ตำนาน UFC” หลาย ๆ คนไม่ว่าจะเป็น อันแดร์สัน ซิลวา, ดาเนี่ยล โครมิเยร์ หรือแม้กระทั่งนักชกในยุคเดียวกับเขาอย่าง คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ … ทว่า แม็คเกรเกอร์ กลับทำในสิ่งที่ตำนานเหล่านี้ทำไม่ได้ นั่นคือการทำให้ MMA กลายเป็นกีฬาที่แม้กระทั่งคนที่ไม่เคยสนใจยังต้องอยากดูในวันที่เขาขึ้นชก

และนี่คือเรื่องราวความสุดยอดในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ กับการพาศึกมวยกรงหลุดจากกรอบและสร้างชื่อในฐานะ “ซูเปอร์สตาร์” ผู้สร้างกระแสที่ดีที่สุดตลอดกาลของกีฬานี้

 

รู้จักหนทางของตัวเอง 

การจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดฝีมือของวงการต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ สิ่งเหล่านี้วัดกันได้จากการเป็นแชมป์โลกที่มีเพียงหยิบมือเท่านั้น หากเทียบกับคนที่พยายามทุ่มสุดชีวิตเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น เรื่องราวของมวยกรงก็เช่นกัน

แม็คเกรเกอร์ เริ่มต้นฝึกหัดชกมวยตั้งแต่อายุยังน้อยโดยได้รับการสนับสนุนจากพ่อของเขา ต้นเหตุของการฝึกมวยเกิดจาก แม็คเกรเกอร์ เป็นเด็กที่ก้าวร้าวและมีอารมณ์รุนแรง พ่อของเขาจึงพยายามจะให้การชกมวยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขเรื่องเหล่านั้น ซึ่งมั่นก็ทำได้จริง ๆ แม็คเกรเกอร์ สามารถมีสมาธิกับสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน และเขาก็เริ่มรักในการชกมวยเข้าอย่างจัง ด้วยการเริ่มเป็นสมาชิกของสโมสรมวยระดับท้องถิ่นในกรุงดับลินชื่อว่า Crumlin Boxing Club ตอนอายุ 11 ปี

 

เรื่องราวหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็มีแต่มวยเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งหมด และมันมีจุดเปลี่ยนเล็ก ๆ ที่ทำให้เขาต่างจากนักมวยคนอื่น ๆ ที่เล็งเป้าไปที่การเป็นแชมป์โลก แม็คเกรเกอร์มองหาวิธีการที่จะต่อยอดจากวิชาหมัดมวยของเขา จะมีกีฬาไหนที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งกว่าการชกมวยสากลบ้าง และนั่นทำให้เขาได้เจอกับการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ซึ่ง ณ เวลานั้นหลายคนไม่เห็นด้วยกับเขา เพราะเชื่อว่าการเป็นนักมวยสากลนั้นจะสามารถทำเงินได้ดีกว่า และในวงการมวยกรงก็แทบไม่มีนักสู้ชาวไอริชประสบความสำเร็จมากนัก แต่สิ่งที่แม็คเกรเกอร์มองเห็นนั้นข้ามไปอีกสเต็ปหนึ่ง … เขาเชื่อว่ามวยสากลและมวยกรงกำลังจะเดินสวนทางกัน และเหนือสิ่งอื่นใดคือเมื่อเขาได้ลองฝึกมวยกรงเขาก็รู้สึกว่ามันตอบโจทย์กับร่างกายของเขามากกว่า

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามวยสากลคือรักแรกของผมในกีฬาการต่อสู้ ผมเคยมีช่วงเวลาที่ดีกับมัน แต่เห็นว่าศักยภาพของตัวเองเหมาะกับการต่อสู้แบบผสมผสานในกรงแปดเหลี่ยมมากกว่า วันที่ผมเลือกมวยกรงคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ผมรู้ว่าเส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่ผมรู้ว่าวงการมวยกรงจะสวยงามและยิ่งใหญ่มากขึ้นในอนาคตแน่นอน” แม็คเกรเกอร์ พูดถึงเรื่องราวการตัดสินใจในอดีตของเขา

เราไม่รู้ว่าเขาใช้อะไรในการคาดการณ์ แต่บังเอิญว่าในช่วงที่แม็คเกรเกอร์เลือกหันเส้นทางชีวิตไปสู่แวดวงมวยกรงตอนอายุ 18 ปีนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ MMA ที่มีชื่อว่า Way of Martial Arts เริ่มวิเคราะห์ว่ามวยกรงกำลังจะเติบโตขึ้นในอนาคต แม้จะยังไม่แซงหน้ามวยสากลในแง่ค่าตัวของนักชก แต่สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นคือความนิยม ผู้คนจะติดตามมวยกรงมากขึ้นผ่านการถ่ายทอดสดแบบ Pay Per View (PPV)

“MMA เป็นหนึ่งในกีฬาที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในแง่ของความนิยม โดยเฉพาะการแข่งขันอย่าง UFC ที่เป็นหัวหอกของวงการ ในช่วง 5 ปีหลังสุดศึก UFC มียอดการขายสิทธิ์ PPV ได้มากกว่า 1 ล้านรายการ นั่นคือตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ … แน่นอนว่ามวยสากลยังคงเป็นกีฬาที่ได้ความนิยมมากกว่าในแง่ของความสากล แต่สิ่งที่สวนทางกันคือตัวเลขของผู้ติดตามในการถ่ายทอดสดมวยสากลและ UFC … วงการมวยซบเซาแต่ UFC กำลังก้าวหน้า … หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป UFC อาจจะสามารถแซงหน้ามวยสากลได้ในไม่ช้า” นี่คือสิ่งที่ Way of Martial Arts ได้วิเคราะห์เอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าหากมันเป็นเช่นนั้น การเลือกมายังวงการ MMA ของ แม็คเกรเกอร์ ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องถ้ามองในแง่ของการเติบโต

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขารู้ว่าสไตล์ของเขาไม่เหมาะกับมวยสากลมากนัก Sportskeeda อธิบายว่าโดยธรรมชาติแล้วแม็คเกรเกอร์เป็นนักสู้ที่มีสไตล์การชกที่แตกต่างในเรื่องของการยืนชก เขาเป็นนักสู้ที่มีสไตล์การชกแบบผสมผสานกับ คาโปเอร่า ศิลปะการต่อสู้แบบบราซิล กล่าวคือในแง่ของการป้องกันเขาเป็นคนชอบใช้การหลบหลีกมากกว่าการบล็อกหรือตั้งการ์ด ซึ่งการตั้งการ์ดถือเป็นหัวใจของมวยสากล เพราะการบล็อกนั้นทำได้ง่าย ใช้กำลังน้อยกว่า รวมถึงยังมีประสิทธิภาพมากกว่าเพราะมวยสากลนั้นมีนวมขนาดใหญ่ แต่ใน MMA มีนวมบางกว่า การบล็อกจึงอาจไม่ใช่หนทางที่ดีนัก เพราะการใช้วิธีการบล็อกใน MMA จะป้องกันความเสียหายได้น้อยกว่ามวยสากลนั่นเอง

ขณะที่วิธีการชกของแม็คเกรเกอร์นั้น แม้เขาจะเป็นนักสู้แบบ “มวยหมัด” ที่โดดเด่นในศึก MMA แต่ถ้าเข้าไปต่อยในมวยสากลเขาก็ไม่ได้มีสปีดหมัดที่เร็วมากนัก ดังนั้นการที่หมัดของเขาจะชกคู่ต่อสู้ได้ เขาต้องใช้การโจมตีแบบอื่นช่วย ยกตัวอย่างเช่นการใช้การเตะเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ และเมื่อคู่ต่อสู้โดนก่อกวนด้วยอาวุธอื่นและเริ่มช้าลง พลังหมัดของเขา โดยเฉพาะหมัดซ้ายจึงกลายเป็นตัวชี้วัดผลแพ้ชนะได้อยู่บ่อย ๆ

วิธีที่เปรียบเทียบง่าย ๆ ที่สุดเพื่อหาเหตุผลว่าทำไม แม็คเกรเกอร์ ถึงเหมาะกับมวยกรงมากกว่ามวยสากลคือการเทียบกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ทั้งคู่มีน้ำหนักสูสีกันหากดูจากวันที่แม็คเกรเกอร์พีกที่สุด มาเทียบกับช่วงที่ ฟลอยด์ พีกที่สุด แค่วัดเรื่องประสิทธิภาพของการปล่อยหมัดทั้งความหนัก ความเร็ว และการตั้งรับ ก็น่าจะพอทำให้นึกภาพออก เพราะ ฟลอยด์ เป็นมวยที่ได้ชื่อว่าตั้งรับได้ดีที่สุดคนหนึ่งตลอดกาล และทุกการปล่อยหมัดที่ทำให้ ฟลอยด์ เป็นผู้ชนะนั้นมากจากสปีดหมัดที่รวดเร็วในแบบที่ แม็คเกรเกอร์ ไม่มีทางทำตามได้แน่

หากแม็คเกรเกอร์เลือกเอาดีทางมวยสากลแทนมวยกรง เราคงไม่มีทางคาดเดาออกเลยว่าเขาจะไปได้ไกลถึงระดับที่ฟลอยด์ทำไว้หรือไม่ ? แต่ที่สุดแล้วเขาก็เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตัวเองมากกว่าอย่าง MMA และสิ่งที่เขาพิสูจน์มาตลอดอาชีพก็ออกดอกผล ทุกคนได้เห็นความยอดเยี่ยมของเขาด้วยตาของตัวเอง และทำให้เห็นว่าการเลือกเส้นทางนี้คือหนทางที่ถูกต้องสำหรับตัวของเขาเองขนาดไหน

กฎของแรงดึงดูด

ทีนี้เราจะไปให้ลึกยิ่งกว่าเรื่องกีฬากันสักหน่อย เว็บไซต์ Bleacher Report ได้เขียนบทความชื่อว่า “ความลับที่ทำให้ แม็คเกรเกอร์ ไปสู่หนทางของชื่อเสียงและโชคลาภเหมือนกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์”

เนื้อหาภายในบทความเล่าถึงสาเหตุที่แม็คเกรเกอร์กลายเป็นยอดมวยกรงที่แม้แต่คนไม่ดูมวยกรงยังรู้จัก และทำเงินได้มากที่สุดตลอดกาลยิ่งกว่านักสู้ MMA คนไหน ๆ ในโลก โดย B/R เริ่มต้นด้วยการใช้ทฤษฎีชื่อว่า “กฎแรงดึงดูด” (Law of Attraction) ของ ฟินิส ควิมบี้ นักคิดชาวอเมริกัน ในยุคศตวรรษที่ 18 มาอธิบายความโด่งดังของเกรียนไอริชผู้นี้

กฎแรงดึงดูดประกอบด้วย 3 ข้อ ข้อที่ 1 คือการขอ (Ask) มันคือการตั้งจิตใจให้แน่วแน่ถึงสิ่งที่ตัวเองทำและคาดหวัง การคิดและหมกหมุ่นอยู่กับสิ่งนั้นแบบทุกเมื่อเชื่อวันที่จะทำให้ดึงดูดสิ่งที่ดี ๆ ที่เราหวังให้เข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้น

ข้อ 2 คือ ความเชื่อ (Believe) คือการเชื่อจากก้นบึ้งของหัวใจแบบไม่โกหกตัวเองว่าสิ่งดีจะเกิดขึ้นกับเราในวันหนึ่งอย่างแน่นอน

 

และข้อ 3 คือ ได้รับ (Receive) คือการยอมรับกับผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย ชื่นชมยินดีกับสิ่งที่ได้รับในวันที่สิ่งที่คาดหวังเกิดขึ้นจริง และหากไม่สมหวังก็จงใช้มันไตร่ตรองทบทวนดูว่าเรายังขาดตกบกพร่องสิ่งใดไปบ้าง

กฎเหล่านี้มันเกี่ยวข้องกับความโด่งดังของ แม็คเกรเกอร์ ยังไงน่ะเหรอ ?

แม็คเกรเกอร์คือคนที่ตั้งความหวัง เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ และแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองอยู่เสมอ คุณคงเคยได้ยินเรื่องราวก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงกับการต่อสู้ชีวิตร่วมกับ ดี เดฟลิน ภรรยาของเขาที่คบหากันมาตั้งแต่อายุ 15 ปี

ในช่วงที่ แม็คเกรเกอร์ ยังเป็นวัยรุ่น เขาไม่ได้เป็นนักสู้มวยกรงที่มีค่าตัวมากมายนัก เขาจึงต้องทำหน้าที่เป็นช่างประปาเพื่อหารายได้หลัก ซึ่งทั้งสองสิ่งไปด้วยกันไม่ค่อยได้ ถ้าอยากจะเป็นที่หนึ่งก็ต้องทุ่มเทเพื่อมันจนถึงที่สุด เรื่องนี้ เดฟลิน เองใช้กฎข้อที่ 2 ของนั่นคือ “เชื่อ” เธอเชื่อในตัว แม็คเกรเกอร์ และเธอยอมเสียสละเป็นคนทำงาน 2 กะ ทั้งการเป็นเด็กเสิร์ฟ พนักงานทำความสะอาด ผู้ช่วยพยาบาล เพื่อหาเงินเป็นหลัก ซึ่งในขณะเดียวกันเธอบอกให้ แม็คเกรเกอร์ ลาออกจากการเป็นช่างประปาและตามฝันการเป็นนักชกมวยกรงของเขา

 

 

ติดตามข่าวใหม่ได้ที่นี่! ข่าวมวย

โพสต์โดย : ZBDBZD ZBDBZD เมื่อ 4 ส.ค. 2565 20:40:09 น. อ่าน 174 ตอบ 0

facebook